ชีวิต ของเรา ร่างกายพร้อมสำหรับ 4 วัน 3 คืน ความคิดเข้าใจความสัมพันธ์ การสนทนา และการจับประเด็น ความรู้สึกเชื่อมั่นในวิธีการสร้างสรรค์ปัญญาร่วม
เราไม่อาจรู้จักชีวิตอันซับซ้อนยุ่งเหยิงได้ทั้งหมด ร่างกาย ความคิด ความรู้สึก การกระทำ ของแต่ละคนเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่เหมือนกันและไม่มีวันเหมือน มีงานศึกษามากมายพยายามทำให้เกิดความเหมือนกัน จัดกลุ่ม จัดพวก จัดความสัมพันธ์ จัดวางแล้วมุ่งหน้าบริหารทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของการจัดเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง เราไม่อาจทำให้ทุกคนคิดและทำเหมือนกันได้ ปัจจเจกชนมีเส้นทางของเขาเอง เราไม่อาจเอาความคิดไปใส่ในตัวเขาได้ ในการสัมมนาก็เช่นกัน รับหรือไม่รับเป็นเรื่องของเขาโดยแท้ "ประสบการณ์เบื้องหลัง ความหวังเบื้องหน้า และความพยายามในปัจจุบัน หล่อหลอมคน" ชีวิตดั่งนี้จึงเคลื่อนไป เคลื่อนไปในความแปลกใหม่เสมอ
คนที่ไม่เหมือนกัน เมื่อมาประชุมสุมรวมกัน กายสัมผัสกาย ใจสัมผัสใจ ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ ปะทะสังสรรค์แล้วหลอมรวมหรือแปลกแยก ในประชุมชนจะเกิดความรู้สึกศรัทธาเหนี่ยวนำ ความคิดเลื่อนใหลเชื่อมโยง กระแสความรู้ประสบการณ์พรั่งพรู จะเป็นดั่งนี้ได้ต้องมีสภาพแวดล้อมอันถูกจัดวาง เพราะเกราะกำบังและสิ่งยึดโยงเหนี่ยวรั้งผู้คนให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ปลอดภัยในแบบของตน นิ่งงันเงียบเฉยแปลกแยก ปกป้องระแวงภัย ข่ายใยไม่ก่อตัวไร้ความสัมพันธ์อันเลื่อนใหล ประสบการณ์ความรู้หลบซ่อน ประชุมชนไร้ชีวิตปัญญาร่วมไม่ก่อตัว ปัจจเจกชนจึงต้องการสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยเป็นปฐม ผ่อนคลายในท่ามกลาง และไว้วางใจในที่สุด ประชุมชนจึงมีชีวิตชีวา
พื้นที่ที่ปลอดภัยจากคำตัดสิน ตำหนิ หมิ่นแคลน ผ่อนคลายด้วยการใส่ใจดูแลเอื้อเฟื้อเกื้อกูล ไว้วางใจในการชื่นชมไร้การเสแสร้ง พื้นที่ดังนี้ประสบการณ์ย่อมพรั่งพรู แล้วข่ายใยชีวิตก็ก่อตัวขึ้น
ประสบการณ์และสัุญชาตญาณ สอนให้เราคาดเดาผู้คน สีหน้า ท่าทาง แววตา คำพูด ฯลฯ
คาดเดาถูกบ้างผิดบ้าง เพียงแค่คาดเดาไม่ตัดสิน คำนึงไว้เสมอว่า "ชีวิตเปราะบางและสัมผัสไว" ชีวิตจึงมีกลไกไวต่ออันตรายและตอบโต้ต่อต้านเป็นอัตโนมัติ เมื่อกลไกนี้ทำงานยากที่จะปิดลงได้ อ่อนโยน น้อมน้อม เมตตา อดทน "ชีวิตที่เปราะบางและสัมผัสไว"จึงผ่อนคลายและเรียนรู้ สัมพันธภาพลื่นใหล สัมผัส สังเกต สีหน้า ท่าทาง แววตา คำพูด ฯลฯ สนองตอบ อย่างพอดี ช้าเร็วหนักเบา ตามภาวะนั้นๆ นั่นคือศิลป์แห่งความสัมพันธ์ คำนึงเสมอว่า "ชีวิตนั้นเปราะบางสัมผัสไว" แตกสลายง่ายเชื่อมประสานยาก
สัมผัสในสัมพันธ์ของกันและกันจะก้าวไปด้วยดีบนเส้นทางแห่งความอ่อนโยน น้อมน้อม เมตตา อดทน เวลาจะบ่มเพาะเชื่อมประสานความสัมพันธ์จะผลิบาน ข่ายใยแห่งชีวิตสอดรับกันไป ชีวิตไม่ได้ต้องการอะไรทางความรู้สึกมากไปกว่า รัก เข้าใจ และยอมรับ บนเส้นทางที่ไร้เงื่อนไข รัก เข้าใจ ยอมรับกันและกัน ความสัมพันธ์จึงผสานกลมเกลียว ไร้เงื่อนไขจึงไร้สิ่งยึดโยงความคิดไม่ตัดสิน ยอมรับความคิดที่ต่างออกไปเพราะไม่มีอะไรแตกต่างเมื่อไร้สิ่งยึดโยงชี้วัด เมื่อนั้นใจย่อมไร้ความรังเกียจเหยียดหยามหมิ่นแคลนใจขยายใหญ่เข้าใจมนุษย์เห็นใจสัมผัสใจเขาที่เรามุ่งสัมพันธ์ เมื่อนั้นกายจึงปราศจากความกลัว กล้าลงมือทำนำตนไปสู่สิ่งใหม่ ใหม่เสมอในข่ายใยแห่งความสัมพันธ์อันซับซ้อน เมื่อนั้นทุกสิ่งจะเผยตนออกมาในกระแสประสบการณ์และความรู้ กระแสที่ประสานกลมเกลียว ความคิดความรู้สึกและการกระทำผ่อนคลาย โลกที่รวดเร็ว เร่งรีบ บีบคั้น ขันแข่ง ก็จะช้าลง หลากสิ่งที่บ่มเพาะจะหลอมรวมในความผ่อนคลายและสนุกกระตุ้นความสงสัยใคร่รู้ สู่การคิดใคร่ครวญต่อเนื่อง ผุดบังเกิดปัญญาร่วม บางสิ่งที่สัมผัสเปลี่ยนไป สู่สิ่งใหม่อันเป็นประโยชน์ต่อ เรา เขา และโลก (อิสสา และมัฉริยะ ปราศนาการไป)
ข่ายใยชีวิตงดงามดังนี้
ข่ายใยชีวิตจึงดำเนินไปบนพื้นที่ปลอดภัยด้วยความอ่อนโยน น้อมน้อม เมตตา และอดทน
ดำเนินไปอย่างไร้เงื่อนไขสิ่งยึดโยง ไม่มีการตัดสิน
ดำเนินไปบนความรัก เข้าใจและยอมรับ ไม่หมิ่นแคลนหยามเหยียด
กล้ากระทำอย่างไร้ความกลัวฉุดรั้ง
ด้วยความศรัทธาต่อชีวิตมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม เชื่อมั่นว่าการสนทนาคือวิถีทางที่เราจะคิดร่วมกัน มันอาจยุ่งยากในบางครั้งแต่เราจะผ่านได้ด้วยความอ่อนโยน นอบน้อม เมตตาและอดทน เราจะช่วยเหลือกันเพื่อให้การสนทนาการรับฟังเป็นไปด้วยดี เราเชื่อว่าความผ่่อนคลายบนพื้นที่ปลอดภัยนำมาซึ่งพลัง พลังของกระแสความลื่นใหลของความคิด หลากหลายมุมมองผสมผสานถั่งโถมไปในทางเดียวกัน ข่ายใยชีวิตสอดผสาน กระแสความคิดหลั่งใหลสิ่งใหม่ก่อบังเกิดเป็นปัญญาร่วมอันยังประโยชน์ต่อไป
โลกจึงงดงามดั่งนี้